ทวงคืนความอยุติธรรม(อ่านฟรีจนจบมีebook) - นิยาย ทวงคืนความอยุติธรรม(อ่านฟรีจนจบมีebook) : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    ทวงคืนความอยุติธรรม(อ่านฟรีจนจบมีebook)

    ความมืดดำในวงการสีกากีทำให้ตำรวจน้ำดีอย่างธีรภัทร์ทนดูไม่ไหวเขาตัดสินใจจะเปิดโปงเรื่องเลวทรามทั้งหมดที่รู้มาแต่ใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังอันสกปรกโสมมกลับมีคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บังคับใช้กฏหมายทำผิดซะเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    383

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    30

    ผู้เข้าชมรวม


    383

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    18
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  36 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  13 ส.ค. 67 / 19:00 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

     

    ภายในชุมชนที่ห่างไกลจากความเจริญ บ่อยครั้งจะเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ามาเยี่ยมชมชุมชนอยู่บ่อยครั้ง เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมและสังคมทำให้เด็กสมัยนี้เลือกทำในสิ่งที่ผิด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังจัดการได้ไม่หมดสักที

    ทีมปราบปรามสารเสพติดได้รับแจ้งเบาะแสคนลักลอบค้ายาในชุมชน พวกเขาได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณรอบ ๆ ซึ่งยังไม่พบความผิดปกติใด แต่แล้ววัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกลับวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนพลางตะโกนร้องอย่างหวาดกลัว

    “โว้ย!..ช่วยด้วย”

    กลุ่มวัยรุ่นแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เขาเหมือนพวกเด็กชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ กองปราบสั่งการคนในทีมให้เข้าตรวจสอบ เมื่อยิ่งย่างกรายเข้าไปใกล้เสียงกรีดร้องก็ยิ่งดังชัดเจนมากขึ้น

    “ใครก็ได้แจ้งตำรวจที ไอ้นี่มันคลั่งยาแล้ว”

    เสียงหญิงวัยกลางคนตะโกนร้องอย่างตื่นตระหนก มีชายอายุราว ๆ สามสิบปีกำลังถือมีดขู่จะทำร้ายผู้คนเนื่องจากอาการหลอนยา เกิดเหตุแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และช่วงหลัง ๆ เหมือนทีมตำรวจใน สภ.แทบไม่ทำงานกันเลย อีกทั้งยังดูไม่กระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่

    ชาวบ้านต่างพากันหนีเข้าบ้านปิดประตู เสียงเด็กเล็กร้องงอแงดังน่ารำคาญ ส่วนชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้นก็ไม่มีที่หลบซ่อน ได้แต่ยืนอยู่มุมหนึ่งของซอยคับแคบนั้นทั้งเนื้อตัวสั่นเทา ผู้ร้ายเริ่มใกล้ตัวคนในชุมชนมากขึ้น หากไม่ทำอะไรสักอย่างคงมีคนถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ทันที่กองปราบจะได้เริ่มปฏิบัติการ จู่ ๆ กลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโจนเข้าล็อกตัวผู้ร้ายขณะที่ผู้ร้ายกำลังเผลอและจงใจจะเข้าไปทำร้ายคนคนหนึ่ง

    ขณะนั้นที่เขาไม่ทันระวัง มีดในมือของตัวผู้ร้ายก็บาดเข้าที่มือของเขาจนเลือดไหลออกมาเต็ม ทุกคนที่ยืนดูสถานการณ์ต่างตกใจร้องกันจ้าละหวั่น แต่เขาที่ล็อกตัวคนร้ายไว้ได้แน่นก็แย่งมีดแล้วโยนออกไปไกล ๆ ขณะนั้นตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุก็เข้ามาคุมสถานการณ์ไว้ได้

    ส่วนทีมปราบปรามก็ขอตัวไปสำรวจกลุ่มคนค้ายาที่ท้ายชุมชนต่อ เมื่อเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติทุกคนต่างแยกย้ายกันรีบเดินกลับบ้านของตัวเอง เหลือก็แต่ชายหนุ่มอีกคนอายุราวยี่สิบกลาง ๆ ที่ยืนจ้องคนที่กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นทั้งยังได้รับบาดเจ็บ

    “ขอบคุณมากเลยนะครับ”

    ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณอย่างซึ้งใจ หากเมื่อกี้เขาไม่เข้าไปล็อกตัวผู้ร้ายไว้ ป่านนี้คนที่ต้องเจ็บก็คงเป็นเขาเอง เพราะเขาเกือบจะโดนคนร้ายเข้ามาทำร้ายร่างกายซะแล้ว

    “อ่อ ไม่เป็นไร”

    สายตาคมกริบเลื่อนมองเจ้าของเสียงครู่หนึ่งพลันเหลือบมองบาดแผลที่มือของตนเองก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบราวกับว่าไม่เจ็บเลยสักนิด

    “ที่มือคุณ..ถ้าไม่ว่าอะไรให้ผมทำแผลให้นะครับ เดินไปอีกนิดเป็นบ้านของผม มีอุปกรณ์ทำแผลอยู่ เกรงว่าแผลจะติดเชื้อ”

    ร่างที่เล็กกว่าเดินนำชายหนุ่มไปยังเส้นทางแออัด ก่อนหยุดลงที่หน้าประตูไม้บานหนึ่ง เขาเปิดกุญแจไขเข้าไปเพื่อเข้าไปเอาอุปกรณ์ทำแผล จากระยะของประตูและทางเดินมีพื้นที่ว่างให้วางโต๊ะม้าหินอ่อน ชายหนุ่มที่ไม่อยากละลาบละล้วงเข้าไปจึงรออยู่ที่ทางเดิน ทำให้เจ้าของบ้านต้องบอกอนุญาตให้เข้ามานั่งได้

    “ถ้าไม่อยากเข้ามาในบ้าน เชิญนั่งที่โต๊ะตรงนั้นได้เลยนะครับ”

    เมื่อได้รับอนุญาตชายหนุ่มจึงเดินไปนั่งลงเงียบ ๆ พลางมองสำรวจรอบ ๆ ไปด้วย บ้านหลังนี้อยู่สุดซอยคับแคบแต่กลับน่าอยู่กว่าหลังอื่นมากหลายเท่า เจ้าของบ้านคงดูแลที่นี่เป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกล่องทำแผล เขาวางมันลงบนโต๊ะก่อนนั่งตรงข้ามกันกับชายหนุ่มด้วยระยะห่างไม่มาก

    มือนุ่มจับมือสาก ๆ ของชายหนุ่มแผ่วเบาพลางนำสำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลซับเลือดออกให้ก่อน สายตาคมกริบทอดมองใบหน้าของคนที่ตั้งอกตั้งใจทำแผลให้ตนเอง พลางพิจารณาใบหน้านั้น จะว่าหน้าคมก็ไม่คมจะว่าหวานก็ไม่หวาน แต่ทุกอย่างล้วนดูลงตัวน่ามองมากจริง ๆ

    “เจ็บไหมครับ”

    คำถามแสนอ่อนโยนทำเอาชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ซึ่งมันก็ไม่ได้เจ็บจริง ๆ เรียกว่าชินคงได้ ได้รับคำตอบแบบนั้นเขาจึงเริ่มทำแผลต่อไป บ้างทำท่าเหมือนมีคำถามอยากถาม อะไร จนสุดท้ายเขาก็ต้องถามออกมาเมื่อเก็บความสงสัยมาได้สักพักหนึ่ง

    “คุณเป็นตำรวจเหรอ”

    ชายหนุ่มกำลังเหม่อมองคนตรงหน้า เสียงเปล่งถามเรียกดึงสติเขากลับคืนมา ชายหนุ่มไม่อยากตอบตามความจริงเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร เขาไม่ควรไว้ใจใครที่นี่สักคน

    “เปล่า”

    ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ สายตาของเขายังคงหนักแน่นเสมอมา หมวกแก๊ปที่สวมใส่บนศีรษะช่วยพลางทรงผมที่ใครต่างก็เรียกว่า ทรงอเมริกัน คำตอบทำเอาคนตรงหน้าขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยหนักกว่าเดิมพร้อมหยุดทำแผลกะทันหันก่อนถามกันอีกครั้ง

    “แล้วคุณกล้าเข้าไปจับคนคลั่งยาแบบนั้นได้ไง ไม่กลัวว่าจะพลาดโดนทำร้ายร่างกายถึงขั้นตายเหรอ”

    “ผมแค่ไม่อยากให้ใครต้องเป็นอะไร”

    สิ้นคำตอบ คนถามจึงไม่อยากเซ้าซี้อะไร เขาจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขา ขอแค่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อตอบแทนก็เพียงพอแล้ว คนตรงหน้าที่เช็ดทำความสะอาดแผลเสร็จนำผ้าพันแผลมาพันที่มือให้อย่างเรียบร้อยพร้อมเก็บอุปกรณ์ใส่ในกล่อง

    “ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยผมเอาไว้นะครับ”

    รอยยิ้มบางปรากฏข้างมุมปากก่อนร่างชายหนุ่มเดินจากไปไม่พูดอะไรสักคำ แม้แต่คำว่าขอบคุณยังไม่ได้ยินจากปากของเขา ทำตัวลึกลับชอบกล

    _____

    ก่อนอื่นไรท์ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ไรท์มีนามปากกาว่า "ยืนงงในดงต้นกระจี่" ที่ใช่ชื่อนี้ก็ไม่อะไรมาก แค่นึกชื่ออื่นไม่ออก^_^! เลยยืนงงๆ อยู่ใต้ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่าต้นกระจี่ตามชื่อท้องถิ่นบ้านไรท์เอง นิยายวายเรื่องนี้ ไรท์ได้แรงบันดาลใจมาจากบทเพลง เพลงหนึ่งและสิ่งที่เห็นรอบ ๆ ตัวในเวลานี้ แต่ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินผู้ใด ทุกอย่างที่แต่งขึ้นล้วนสร้างจากจินตนาการ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  หวังว่านักอ่านทุกคนจะได้รับความสุขไม่มากก็น้อยจากการอ่านนิยายเรื่องนี้ของไรท์ ยังไงก็ฝากกดติดตาม กดคอมเมนต์ กดหัวใจ มาเป็นกำลังใจให้ไรท์กันบ้างนะ


     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น